คุณอาจเคยได้ยินการใช้คำว่า VPN บ่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งเป็นชื่อย่อของ เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (Virtual Private Network) โดย VPN มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์หลายประการ ซึ่งรวมถึงการทำให้กิจกรรมทางออนไลน์ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุผลนั้นเพียงประการเดียว เราจึงขอแนะนำให้ทุกคนใช้ VPN
นอกเหนือจากความปลอดภัยที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นแล้ว ยังมีประโยชน์อื่น ๆ ได้แก่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปลดบล็อกเนื้อหาที่มีการปิดกั้นเชิงภูมิศาสตร์และหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากรัฐบาล หากคุณต้องการค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VPN คุณมาถูกที่แล้ว เราตรวจสอบและทดสอบ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง (รวมถึงบริการที่ไม่ดีบางส่วนด้วยเช่นกัน) ดังนั้นเราสามารถบอกคุณได้ทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องทราบ เรายังทดสอบและตรวจสอบ VPN ที่เหมาะสมสำหรับการรับที่อยู่ IP ในประเทศไทยอีกด้วย
ในโพสต์นี้ เราจะเจาะลึกรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความหมายของ VPN วิธีการทำงาน และคุณสามารถทำอะไรได้บ้างกับบริการหนึ่ง ๆ นอกจากนี้เรายังจะให้คำชี้แนะในการเลือกบริการ VPN ที่เหมาะสม และบอกคุณเกี่ยวกับผู้ให้บริการ VPN ชั้นนำบางราย มาเข้าเรื่องกันเลย!
การเชื่อมต่อ VPN คืออะไรและทำงานอย่างไร?
VPN ทั่วไปประกอบด้วยเครือข่ายของเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะกระจายอยู่ทั่วโลกผ่านการดำเนินงานจากผู้ให้บริการ VPN เมื่อผู้ใช้สมัครใช้งานและเชื่อมต่ออุปกรณ์ไปยังบริการ VPN มีสองสิ่งหลักเกิดขึ้น
องค์ประกอบสำคัญของการเชื่อมต่อ VPN คือ
- ข้อมูลจราจรทั้งหมดที่ส่งไปและกลับจากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อจะได้รับการเข้ารหัส
- ข้อมูลจราจรที่เข้ารหัสจะส่งผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ตัวกลาง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งที่ผู้ใช้เลือก
มาพิจารณาคุณสมบัติทั้งสองเหล่านี้แบบรายตัวและอธิบายถึงประโยชน์
VPN เข้ารหัสข้อมูลจราจรอินเทอร์เน็ตทั้งหมด
การเข้ารหัสข้อมูลจราจรทั้งหมดของคุณหมายความว่ากิจกรรมออนไลน์ของคุณไม่ถูกตรวจสอบและข้อมูลทั้งหมดของคุณจะปลอดภัย ใครก็ตามที่สกัดกั้นข้อมูลจราจรของคุณจะไม่สามารถถอดรหัสได้ หากไม่มี VPN ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณจะสามารถดูทุกสิ่งที่คุณทำทางออนไลน์ รวมถึงเว็บไซต์ที่คุณเข้าชม แอปพลิเคชันที่คุณใช้ และไฟล์ที่คุณดาวน์โหลด พวกเขาไม่สามารถทำได้เมื่อคุณใช้ VPN
ซึ่งยังหมายความว่าคนอื่น ๆ ที่อาจตรวจสอบเครือข่ายจะไม่สามารถเห็นกิจกรรมของคุณ สิ่งนี้อาจเป็นผู้ดูแลเครือข่าย (ในโรงเรียนหรือสำนักงาน เป็นต้น) หน่วยงานของรัฐบาล หรือแฮกเกอร์ ส่วนหลังสุดอาจเป็นภัยคุกคามโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเดินทางบ่อยครั้ง และใช้ฮอตสปอต wifi สาธารณะบ่อยครั้ง เป็นที่ทราบกันว่าแฮกเกอร์เฝ้ารอเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัยเพื่อรอขโมยข้อมูลของคุณ เพื่อใช้งานอย่างปลอดภัย คุณควรใช้ VPN ทุกครั้งที่คุณเชื่อมต่อเครือข่าย wifi สาธารณะ
ด้วย VPN คุณสามารถทำกิจกรรมทางออนไลน์ทั่วไปของคุณโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสายตาที่คอยสอดส่อง ซึ่งรวมถึงการท่องเว็บ การสตรีม การทอร์เรนต์ การเล่นเกม— ทุกอย่างที่คุณทำซึ่งเกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ธุรกิจจำนวนมากใช้ VPN เป็นวิธีรักษาความปลอดภัยของการสื่อสารและการประมวลผล เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ปลอดภัยจะไม่รั่วไหล และลดความเสี่ยงจากแฮกเกอร์
คุณอาจสงสัยว่า VPN ถูกกฎหมายหรือไม่ แน่นอนว่าการใช้ VPN ถูกกฎหมายในเกือบทุกประเภทอย่างแน่นอน
VPN ปกปิดที่อยู่ IP ของคุณ
แล้วส่วนเซิร์ฟเวอร์ตัวกลางเป็นอย่างไร? ส่วนนี้เองที่สิ่งต่าง ๆ มีความน่าสนใจ
ฮาร์ดแวร์ทุกชิ้นภายในเครือข่ายมีตัวระบุเฉพาะที่เรียกว่าที่อยู่โปรโตคอลอินเตอร์ (ที่อยู่ IP) ซึ่งกำหนดโดย ISP ของคุณและสามารถเปิดเผยสถานที่ตั้งทั่วไปของคุณไปยังเว็บไซต์ที่คุณเข้าชม
เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าผู้ใช้ VPN สามารถเลือกสถานที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์ที่พวกเขาเชื่อมไปได้ โดยผู้ให้บริการทั้งหมดอนุญาตให้คุณเลือกเซิร์ฟเวอร์ตามประเทศที่ตั้งอยู่ได้ ผู้ให้บริการบางรายให้คุณรับเซิร์ฟเวอร์แบบเฉพาะเจาะจง และให้ตัวเลือกเพื่อเลือกสถานที่ตั้งตามเมืองได้
ในทั้งสองทาง เมื่อคุณเชื่อมต่อแล้ว ที่อยู่ IP ที่มีอยู่ของคุณจะถูกปกปิดอย่างสิ้นเชิง และจะแทนที่ด้วย IP จากสถานที่ตั้งที่คุณได้เลือกไว้ เว็บไซต์จะใช้ที่อยู่ IP เพื่อตรวจจับสถานที่ตั้งอุปกรณ์ของคุณ หลาย ๆ เว็บไซต์ปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหาตามที่อยู่ IP เพียงอย่างเดียว
ดังนั้นหากคุณสามารถแทนที่ที่อยู่ IP ของคุณ คุณปลอมสถานที่ตั้งของคุณ โดยทำให้ดูเหมือนว่าคุณอยู่ที่อื่นแทน
ซึ่งมีประโยชน์หลักสองสามประการด้วยกัน:
เข้าถึงเนื้อหาที่มีการปิดกั้นเชิงภูมิศาสตร์
ช่วยให้คุณเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีการปิดกั้นเชิงภูมิศาสตร์ ซึ่งรวมถึง:
คุณสามารถเพลิดเพลินกับเนื้อหาที่ต้องการเพียงแค่เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN ในภูมิภาคที่แหล่งการสตรีมอนุญาตให้เข้าถึง
หลบเลี่ยงการตรวจสอบจากรัฐบาล
VPN ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่อาจถูกปิดกั้นในประเทศของคุณ เช่น บางประเทศปิดกั้น Facebook Google, YouTube, Skype, WhatsApp และอื่น ๆ เมื่อคุณเข้าถึงเว็บไซต์เหล่านี้ผ่าน VPN ข้อมูลจราจรจะลอดผ่านอุโมงค์เซิร์ฟเวอร์ VPN ตัวกลาง เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ VPN ไม่อยู่ในรายการตรวจสอบ เช่นนั้นแล้วข้อมูลจราจรจะไม่ถูกปิดกั้น และคุณจะสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกตรวจสอบอื่น ๆ ได้โดยไม่มีปัญหา
ทอร์เรนต์โดยไม่เปิดเผยตัวตน
ผู้ให้บริการ VPN ส่วนใหญ่ใช้ที่อยู่ IP ร่วมกัน ซึ่งหมายความว่าเมื่อมีการกำหนดที่อยู่ IP ให้กับคุณ ผู้ใช้รายอื่น ๆ จะใช้ที่อยู่เดียวกัน สิ่งนี้ทำให้การติดตามกิจกรรมเสมือน เช่น การทอร์เรนต์ไปยังผู้ใช้รายเดียว ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากข้อมูลจราจรถูกเข้ารหัส ผู้สอดแนม เช่น ISP ของคุณจะไม่สามารถเห็นสิ่งที่ถูกดาวน์โหลดได้เลย ในทางกลับกัน หากผู้สอดแนมเชื่อมต่อกับเครือข่ายทอร์เรนต์ พวกเขาจะสามารถเห็นสิ่งที่กำลังดาวน์โหลดอยู่ เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ขู่ฟ้องร้องจากลิขสิทธิ์ (copyright troll) อย่างไรก็ตาม ด้วยการเชื่อมต่อ VPN พวกเขาจะไม่สามารถเห็นได้ว่าคุณคือใคร
วิธีการติดตั้ง VPN
เมื่อคุณตัดสินใจเลือกผู้ให้บริการ VPN แล้ว โดยทั่วไปแล้วการใช้บริการเป็นการดำเนินการแบบตรงไปตรงมา แม้ว่าจะมีตัวแปรบางอย่างระหว่างผู้ให้บริการ แต่ขั้นตอนพื้นฐานมีดังด้านล่างนี้
นี่คือวิธีติดตั้งการเชื่อมต่อ VPN:
- เลือกผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียงซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของคุณ เราขอแนะนำ NordVPN
- สมัครใช้แผนแบบทดลองใช้หรือแบบชำระเงิน โดยปกติแล้วจะเป็นการดำเนินการผ่านเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ แต่บางแห่งก็เปิดให้คุณสมัครใช้ผ่านแอปที่เกี่ยวข้อง (สำหรับอุปกรณ์มือถือทั่วไป)
- จดข้อมูลประจำตัว VPN ของคุณ มักส่งผ่านทางอีเมล
- ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปที่เกี่ยวข้องสำหรับระบบปฏิบัติการของคุณ ผู้ให้บริการชั้นนำส่วนใหญ่มีลูกข่ายเดสก์ท็อปสำหรับ Windows และ MacOS เช่นเดียวกับแอปมือถือสำหรับ Android และ iOS บางส่วนสามารถกำหนดค่าได้ด้วยตนเองกับระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์อื่น ๆ
- เปิดแอป และลงชื่อเข้าใช้ด้วยข้อมูลประจำตัวของคุณ
- ปรับการตั้งค่าและการกำหนดค่า หากต้องการ
- เลือกสถานที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์ และรอให้แอปยืนยันการเชื่อมต่อ
- ใช้อินเทอร์เน็ต และแอปพลิเคชันอื่น ๆ ดังที่คุณต้องการตามปกติ
หากคุณประสบปัญหาใด ๆ กับขั้นตอนเหล่านี้ คุณสามารถติดต่อทีมสนับสนุนลูกค้าของผู้ให้บริการ VPN ของคุณเพื่อขอรับความช่วยเหลือ
วิธีเลือก VPN
มีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือก VPN ด้านล่างคือรายการตรวจสอบแบบย่อ แต่เราจะเจาะลึกในแต่ละรายละเอียดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยที่ด้านล่าง
นี่คือสิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือก VPN:
- เข้าถึงเนื้อหาที่มีการปิดกั้นเชิงภูมิศาสตร์
- ความเร็วที่รวดเร็ว
- คุณสมบัติการเข้ารหัสและความปลอดภัยเพิ่มเติมที่แน่นหนา
- การบันทึกข้อมูลการใช้งานเพียงเล็กน้อย
- การสนับสนุนหลายแพลตฟอร์ม
- คุ้มค่าเงิน
- ทีมสนับสนุนลูกค้าที่ยอดเยี่ยม
1. เข้าถึงเนื้อหาที่มีการปิดกั้นเชิงภูมิศาสตร์
หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ผู้คนใช้ VPN คือการเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีการปิดกั้นเชิงภูมิศาสตร์ เช่น Netflix, Hulu , BBC iPlayer และอื่น ๆ เว็บไซต์มากมายเหล่านี้จำกัดการใช้งาน VPN พวกเขาทุ่มเทด้านทรัพยากรเพื่อค้นหาว่าที่อยู่ IP ใดมาจาก VPN และปิดกั้นการใช้งาน ซึ่งหมายความว่าหากคุณเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN ภายในประเทศที่คุณอยู่จริง ๆ คุณอาจยังลงเอยด้วยการเห็นข้อผิดพลาดของพร็อกซี
โชคดีมากที่ผู้ให้บริการ VPN บางรายสามารถดำเนินการในระดับที่ก้าวหน้า และดังนั้นแล้วผู้ใช้จึงยังคงสามารถเพลิดเพลินกับการเข้าถึงเนื้อหานี้ได้ แต่เพราะว่าการดำเนินการนี้ใช้ทรัพยากร จึงมีเพียงผู้ให้บริการบางรายเท่านั้นที่ยังสามารถแข่งขันได้ หากการเข้าถึงเนื้อหาที่มีการปิดกั้นเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ของคุณ คุณจำเป็นจะต้องแน่ใจว่าคุณได้เลือกผู้ให้บริการที่ให้ความสำคัญกับสิ่งนี้
2. ความเร็วที่รวดเร็ว
เนื่องจากข้อมูลจราจรถูกกำหนดเส้นทางผ่านเซิร์ฟเวอร์ตัวกลาง การใช้ VPN จะทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณช้าลงเล็กน้อย บริการ VPN บางส่วนมีผลกระทบด้านความเร็วมากกว่าด้านอื่น ๆ มาก บางครั้งก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนต่อการท่องเว็บ ในขณะที่ในกรณีอื่น ๆ ผลกระทบจะรู้สึกได้ก็ต่อเมื่อทำสิ่งต่าง ๆ เช่น การดาวน์โหลดหรือการอัปโหลดไฟล์ขนาดใหญ่เท่านั้น
เมื่อเราตรวจสอบบริการ VPN เราใส่ใจต่อความเร็วอย่างใกล้ชิดและจัดระบบลงในการจัดอันดับของเรา เราทดสอบ ประสิทธิภาพด้านความเร็วของ VPN เป็นประจำและคุณสามารถดูผลลัพธ์ปัจจุบันได้ในตารางด้านล่าง
3. คุณสมบัติการเข้ารหัสและความปลอดภัยเพิ่มเติมที่แน่นหนา
นอกเหนือจากการปฏิบัติจริงแล้ว คุณจำเป็นต้องทราบว่าข้อมูลของคุณปลอดภัย ซึ่งหมายความว่าคุณควรคาดหวังว่าบริการ VPN จะให้การเข้ารหัสที่แน่นหนา โดยทั่วไปจะใช้การเข้ารหัส AES 128 บิตและ 256 บิต และถือว่ามีความปลอดภัยมาก
ในการศึกษาหาข้อมูลของคุณ คุณจะไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีการกล่าวถึงโปรโตคอลอีกด้วย นี่คือรูปแบบที่ VPN ส่งผ่านข้อมูล โปรโตคอลที่ต่างกันจะมีระดับความปลอดภัยและความเร็วที่แตกต่างกัน โดยปกติแล้ว เราจะแนะนำโปรโตคอล OpenVPN ที่เป็นโอเพนซอร์ซและขึ้นอยู่กับการตรวจสอบสาธารณะ โปรโตคอลยอดนิยมอื่น ๆ ได้แก่ L2TP/IPSec, SSTP, IKEv2 และ PPTP ส่วนหลังสุดมีความปลอดภัยน้อยที่สุดและควรถือเป็นทางเลือกสุดท้าย
VPN อันดับต้น ๆ ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น
- การปกป้องการรั่วไหลของ DNS: ป้องกันการถูกขอให้ส่ง DNS ไปยังภายนอกอุโมงค์ VPN ที่มีการเข้ารหัส
- ฟังก์ชัน kill switch: ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหากการเชื่อมต่อ VPN แย่ลง
- การปกป้อง wifi อัตโนมัติ: เริ่มการเชื่อมต่อ VPN ทุกครั้งที่คุณเชื่อมต่อไปยังฮอตสปอต wifi
- เซิร์ฟเวอร์ป้องกัน DDoS: เซิร์ฟเวอร์ที่เชี่ยวชาญในการป้องกันการโจมตีของ DDoS
ถานที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์ NordVPN จะมีการทำเครื่องหมายว่ามีความสามารถในการป้องกันการโจมตีของ DDoS
คุณสมบัติด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันการรั่วไหลของ DNS และฟังก์ชัน kill switch แต่คุณสมบัติอื่น ๆ อาจมีความสำคัญต่อความต้องการเฉพาะของคุณ
4. การบันทึกข้อมูลการใช้งานเพียงเล็กน้อย
ผู้ให้บริการส่วนใหญ่เก็บบันทึกข้อมูลการใช้งานบางประเภท แต่มีบันทึกการใช้งานข้อมูลประเภทต่าง ๆ ที่ต้องพิจารณา อันดับแรก คุณมีบันทึกการใช้งานข้อมูลจราจร ซึ่งรวมถึงสิ่งต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ที่คุณเข้าชมและไฟล์ที่คุณดาวน์โหลด ผู้ให้บริการ VPN ที่มีเกียรติไม่ควรเก็บบันทึกข้อมูลจราจรทุกประเภท ข้อเรียกร้อง เช่น “ไม่มีการบันทึกข้อมูลการใช้งาน” หรือ “ไม่มีการบันทึกข้อมูลการใช้งานใด ๆ” มักหมายถึงบันทึกประเภทเหล่านี้
ในทางกลับกัน ผู้ให้บริการหลายรายเก็บบันทึกการเชื่อมต่อ ข้อมูลเหล่านี้มักอยู่ในรูปแบบเมตาดาต้า เช่น แบนด์วิดธ์ที่ใช้ จำนวนครั้งที่ทำการเชื่อมต่อ รวมถึงระยะเวลา หากเก็บไว้ ข้อมูลเหล่านี้มักใช้เพื่อสิ่งต่าง ๆ เช่น การแก้ไขปัญหา หรือเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้ไม่มีการใช้งานเกินขีดสูงสุดของข้อมูล กุญแจสำคัญคือคุณไม่ต้องการให้ผู้ให้บริการของคุณบันทึกข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนส่วนบุคคลใด ๆ รวมถึงที่อยู่ IP ของคุณ
หากคุณต้องการใช้งานโดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตนทางออนไลน์มากขึ้น เช่นนั้น คุณอาจมองหา VPN ที่จำเป็นต้องมีรายละเอียดเพียงเล็กน้อยสำหรับการสมัครใช้ ผู้ให้บริการจำนวนมากมอบตัวเลือกเพื่อชำระเงินด้วยบิตคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ และบางแห่งมีเวอร์ชันของเว็บไซต์แบบ .onion ดังนั้นคุณสามารถเข้าถึงได้ผ่านเบราว์เซอร์ของ Tor เช่น ExpressVPN ที่ยอมรับบิตคอยน์และมีเว็บไซต์ .onion ดังนั้นหากคุณใช้ที่อยู่อีเมลแบบสุ่ม (Burner Email) คุณสามารถสมัครใช้ได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตนแทบทั้งหมด (ไม่มีอะไรที่สามารถปิดบังตัวตนได้อย่างสิ้นเชิง)
5. การสนับสนุนหลายแพลตฟอร์ม
คุณจะต้องแน่ใจว่า VPN มีแอปสำหรับอุปกรณ์ของคุณทั้งหมด ในขณะที่การกำหนดค่าด้วยตนเองมักเป็นไปได้ เป็นการดีกว่าเสมอที่จะใช้แอปที่ใช้งานง่าย โดยทั่วไปแล้ว Windows, MacOS, iOS และ Android จะถูกปิดบัง แต่ผู้ให้บริการบางแห่งไม่มีแอปเหล่านี้อย่างน้อยหนึ่งแอป
หากคุณเป็นผู้ใช้ Linux จะมีผู้ให้บริการที่สร้างแอปเฉพาะไม่มากนัก แม้ว่าหลายแห่งจะเสนอการสนับสนุนสำหรับระบบปฏิบัติการก็ตาม และหากคุณมองหาการป้องกันให้กับข้อมูลจราจรของคุณในระดับเราเตอร์ เช่นนั้นแล้ว VPN ส่วนใหญ่สามารถช่วยเหลือคุณในส่วนนั้นได้เช่นกัน ทั้งนี้มีจำนวนมากที่สามารถกำหนดค่าด้วยเราเตอร์บางอย่าง และบางส่วนก็ขายแม้แต่เราเตอร์ที่มีการกำหนดค่าแล้วพร้อมกับ VPN ในความเป็นจริง ExpressVPN ผลิตเฟิร์มแวร์เราเตอร์ของตนเอง
6. คุ้มค่าเงิน
เช่นเดียวกับสิ่งที่คุณซื้อมากที่สุด คุณกำลังจะต้องการ ความคุ้มค่าเงินจากเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเลือก เราจะพูดคุยเกี่ยวกับอันตรายของ VPN ฟรี ในภายหลัง แต่มีหลากหลายราคาเมื่อพูดถึงตัวเลือกแบบชำระเงิน คุณจะอยากพิจารณาสินค้าทั้งหมดในรายการนี้เมื่อนึกถึงความคุ้มค่าเงิน แต่มีปัจจัยเพิ่มเติมสองสามประการ
ปัจจัยแรกคือการเสนอการเชื่อมต่อพร้อมกัน ตามหลักการแล้ว คุณจะต้องอยากปกป้องอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณภายใต้แผนเดียว เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องชำระสำหรับอีกแผนหนึ่ง มาตรฐานอุตสาหกรรมคือการเชื่อมต่อพร้อมกันห้าการเชื่อมต่อ แต่บางแห่งเสนอน้อยกว่านั้น ในขณะที่ผู้ให้บริการอื่น ๆ เสนอมากกว่า
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือมีขีดจำกัดของแบนด์วิดธ์หรือไม่
แผนการใช้งานฟรีของ Keenow มีขีดจำกัดที่ 512MB ต่อวัน
ในขณะที่นี่อาจไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญเท่าใดสำหรับการท่องเว็บทั่วไป แต่อาจจำกัดความสามารถในการสตรีมและทอร์เรนต์ได้ VPN แบบชำระเงินส่วนใหญ่เสนอแบนด์วิดธ์แบบไม่จำกัด แต่บางรายมีแพ็กเกจในระดับต่ำกว่าที่ครอบคลุม
7. การสนับสนุนลูกค้าที่ยอดเยี่ยม
เมื่อใช้ VPN มีโอกาสที่คุณจะต้องการความช่วยเหลือในบางส่วน ไม่ว่าคุณจะประสบปัญหากับการติดตั้งหรือไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่คุณต้องการได้ อาจจำเป็นต้องใช้การสนับสนุนลูกค้า
ผู้ให้บริการ VPN ส่วนใหญ่เสนอส่วนการสนับสนุนออนไลน์ เช่น คู่มือการติดตั้ง เคล็ดลับการแก้ไขปัญหา และคำตอบสำหรับคำถามที่พบบ่อย
PureVPN เสนอศูนย์การสนับสนุนที่ครอบคลุมอย่างมาก
ส่วนใหญ่ยังคงเสนอตัวเลือกเพื่อส่งตั๋วคำถามผ่านทางอีเมลหากคุณต้องการความช่วยเหลือจากบุคลากรจริง ๆ นี่เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่การตอบกลับอาจใช้เวลาจากหลายชั่วโมงเป็นหลายวัน แม้แต่เป็นสัปดาห์ในบางกรณี ซึ่งอาจไม่เหมาะหากคุณต้องการการแก้ไขที่เร่งด่วน
โชคดีมากที่ผู้ให้บริการจำนวนมากเสนอการสนับสนุนลูกค้าผ่านการแชทสด ดังนั้นคุณจึงสามารถรับความช่วยเหลือที่ตรงประเด็นได้ การบริการประเภทนี้มักเป็นบริการจากภายนอก ดังนั้นอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ใส่ใจความเป็นส่วนตัว ซึ่งยังหมายความว่า คุณอาจไม่ได้รับคำตอบที่ให้ข้อมูลในเชิงลึกได้มากที่สุด และอาจมีการขอให้คุณส่งตั๋วคำถามสำหรับปัญหาทางเทคนิค อย่างไรก็ตาม การแชทสดตลอด 24 ชั่วโมง/7 วันเป็นทางเลือกพิเศษและเป็นบางสิ่งที่คุณสามารถใช้ได้
ผู้ให้บริการ VPN ในอันดับต้น ๆ
ตอนนี้คุณทราบแล้วถึงเหตุผลที่คุณต้องใช้ VPN ตลอดจนปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกแบบใดแบบหนึ่ง คุณพร้อมแล้วที่จะไปต่อและสมัครใช้สำหรับแพ็กเกจ เราได้ทดสอบการบริการจากผู้ให้บริการจำนวนมากและได้สรุปไว้เป็นรายชื่อที่มีการเลือกมากที่สุดของเรา:
- NordVPN
- Surfshark
- ExpressVPN
- CyberGhost
- Private Internet Access
- PrivateVPN
- AtlasVPN
มาดูที่รายชื่อเหล่านี้พร้อมรายละเอียดเพิ่มเติมเล็กน้อย เพื่อให้คุณทราบสิ่งที่สามารถคาดหวังได้
1. NordVPN
Jan 2023
แอปที่มี:
- PC
- Mac
- IOS
- Android
- Linux
- Background
- FireTV
เว็บไซต์: www.NordVPN.com
รับประกันคืนเงิน: 30 DAYS
NordVPN เป็นอีกทางเลือกที่เชื่อใจได้อีกทางหนึ่ง และมีเครือข่ายขนาดใหญ่ด้วยเซิร์ฟเวอร์กว่า 5,000 แห่ง หลายบริการเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เช่น การสตรีม, ดับเบิล VPN, Tor ผ่าน VPN และการป้องกัน DDoS บริการ VPN นี้จะคอยให้ความช่วยเหลือแก่คุณเมื่อพูดถึงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ไม่มีการเก็บบันทึกการใช้งานและมีการปกป้อง wifi อัตโนมัติภายในตัว สามารถดาวน์โหลดแอปสำหรับ Windows, MacOS, iOS และ Android ตลอดจนอุปกรณหกรายการที่ครอบคลุมในเวลาที่กำหนด
VPN ที่อยู่ในอันดับต้นของเรา:Nord VPN เป็นทางเลือกอันดับ #1 ของเรา ทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือกับการสตรีม เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกัน 6 เครื่อง รับประกันการคืนเงินภายใน 30 วัน
ข้อดี:
- ให้บริการกว่า 5,000 เซิร์ฟเวอร์ใน 60 ประเทศทั่วโลก
- ผู้ให้บริการตามงบประมาณที่ไม่ประนีประนอมด้านความเร็วและความปลอดภัย
- ให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลเนื่องจากไม่มีการเก็บบันทึก
- การสนับสนุนผ่านการแชทตลอดเวลา
ข้อเสีย:
- แอปบนเดสก์ท็อปต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคย
Our score:
อ่านรีวิว NordVPN ฉบับเต็มของเรา
2. Surfshark
- PC
- Mac
- IOS
- Android
- Linux
เว็บไซต์: www.Surfshark.com
Surfshark เป็น VPN ที่ให้ความปลอดภัยระดับสูงพร้อมนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่น่าเชื่อถือ แอปที่สามารถใช้ได้สำหรับ Windows, macOS, iOS และ Android มาพร้อมการเข้ารหัส AES ที่แข็งแกร่งและตัวเลือกโปรโตคอล VPN แบบรัดกุม รวมถึง WireGuard เพื่อเพิ่มความเร็ว VPN มีคุณสมบัติขั้นสูงมากมาย รวมถึงฟังก์ชัน kill-switch, เซิร์ฟเวอร์แบบซับซ้อน (obfuscation), การป้องกันมัลแวร์ และการป้องกันการรั่วไหลของ DNS เซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ในกว่า 65 ประเทศ ซึ่งทำให้ VPN นี้ยอดเยี่ยมสำหรับการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดในภูมิภาคและการตรวจสอบ
คุ้มค่าอย่างยอดเยี่ยม:Surfshark ราคาไม่แพง สำหรับสิ่งที่คุณได้รับ ทำงานเพื่อเข้าถึงแพลตฟอร์มการสตรีมยอดนิยมทั้งหมด สามารถเข้าถึง Netflix ระดับภูมิภาคได้กว่า 20 แห่ง การเชื่อมต่อเร็วสูงสำหรับการเล่นเกมและการทอร์เรนต์ การเชื่อมต่อแบบไม่จำกัด มีการรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วัน
แอปสำหรับทุกแพลตฟอร์ม
อนุญาตให้ใช้การทอร์เรนต์
ความเร็วสูง
การเชื่อมต่อแบบไม่จำกัด
ทำงานร่วมกับบริการสตรีมยอดนิยมได้
เซิร์ฟเวอร์บางส่วนเร็วกว่าของที่อื่น ๆ เล็กน้อย
อ่านรีวิว Surfshark ฉบับเต็มของเรา
3. ExpressVPN
เว็บไซต์: www.ExpressVPN.com
ผู้ให้บริการ VPN นี้มีความสามารถรอบด้านอย่างยอดเยี่ยม เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ครอบคลุม 94 ประเทศ ให้คุณมีสถานที่ให้เลือกมากมาย ExpressVPN ใช้การเข้ารหัสที่แน่นหนาและมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น ฟังก์ชัน kill switch ซึ่งทำงานด้วยความเร็วและสามารถปลดบล็อกบริการสตรีมยอดนิยม อนุญาตการเชื่อมต่อพร้อมกันห้ารายการ และสามารถใช้แอปสำหรับระบบปฏิบัติการหลักต่าง ๆ รวมถึง Linux
เชี่ยวชาญรอบด้านในระดับที่ดี:เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดี บริการที่รวดเร็วทันใจและน่าเชื่อถือ ปลดบล็อกบริการสตรีมที่มีการปิดกั้นเชิงภูมิศาสตร์หลักทั้งหมด ตลอดจนเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นหรือตรวจสอบได้อย่างยอดเยี่ยม คุณสมบัติความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยอันดับต้น ๆ และไม่มีการบันทึกข้อมูล ทดลองใช้โดยไม่มีความเสี่ยงด้วยการรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วัน
การเชื่อมต่อด้วยความเร็วสูงโดยไม่มีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดธ์หรือข้อมูล
คุณสมบัติด้านความปลอดภัยและการปกป้องความเป็นส่วนตัวระดับสูง
ใช้แอปที่ใช้งานง่ายสำหรับระบบปฎิบัติการที่หลากหลาย
การสนับสนุนผ่านการแชทสดตลอด 24 ชั่วโมง/7 วัน
ราคาแพงกว่าผู้ให้บริการรายอื่นเล็กน้อย
ดูรีวิว ExpressVPN ในเชิงลึกของเรา
4. CyberGhost
เว็บไซต์: www.Cyberghost.com
รับประกันคืนเงิน: 45 DAYS
CyberGhost ดำเนินการในเครือข่ายที่กำลังเติบโตและรวมการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาด้วยความเร็วระดับสูง ทำให้เป็นอีกตัวเลือกที่มีความเชี่ยวชาญรอบด้านอันน่าเชื่อถือ หากคุณชื่นชอบการสตรีม คุณเพียงเลือกแหล่งการสตรีมของคุณจากภายในลูกข่าย CyberGhost และจะมีการเชื่อมต่อคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ ผู้ให้บริการราคาประหยัดนี้ไม่มีการเก็บบันทึกข้อมูลการใช้งาน ดังนั้นข้อมูลของคุณจะคงความปลอดภัย โดยอนุญาตให้ใช้ห้าการเชื่อมต่อและมีแอปสำหรับอุปกรณ์เดสก์ท็อปและมือถือ
ยอดเยี่ยมสำหรับการสตรีม:CyberGhost ให้บริการเพื่อเข้าถึง เนื้อหาที่มีการปิดกั้นเชิงภูมิศาสตร์ และแอปที่ใช้งานง่ายที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ ไม่สามารถปลดบล็อกเว็บไซต์สตรีมยอดนิยมได้มากเท่ากับคู่แข่งบางส่วน แผนการใช้งานที่มาพร้อมกับการรับประกันการคืนเงินภายใน 45 วัน
ให้บริการกว่า 3,700 เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกใน 60 ประเทศ
ตัวเลือกที่มีราคาไม่แพงพร้อมกับแอปที่ใช้งานง่าย
ปลดบล็อกเว็บไซต์และเนื้อหาที่มีการปิดกั้นเชิงภูมิศาสตร์ได้ดีมาก
การเข้ารหัสที่แน่นหนาและนโยบายความเป็นส่วนตัวที่น่าเชื่อถือ
ไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการการควบคุมด้วยคุณสมบัติขั้นสูง
ดูรีวิว CyberGhost ฉบับเต็มของเรา
5. Private Internet Access
เว็บไซต์: www.PrivateInternetAccess.com
Private Internet Access คือผู้ให้บริการจากสหรัฐฯ ยอดนิยมที่มีความปลอดภัยสูง และมักได้รับการยกย่องจากผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม เช่น Reddit เป็นบริการ VPN ที่ไม่มีการบันทึกข้อมูลการใช้งานพร้อมกับแอปสำหรับทุกแพลตฟอร์มที่สามารถปรับแต่งได้อย่างมาก โดยแอปเหล่านั้นมีคุณสมบัติขั้นสูงมากมาย รวมถึง ฟังก์ชัน kill switch เซิร์ฟเวอร์แบบซับซ้อน (obfuscation) และการป้องกันการรั่วไหลของ DNS ใช้งานเพื่อเข้าถึง Netflix US และ BBC iPlayer ได้ นอกจากนี้ยังได้แนะนำการเชื่อมต่อ WireGuard เพื่อความเร็วที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย และคุณสามารถทดลองใช้ได้โดยใช้การรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วัน
ความเป็นส่วนตัวที่แน่นหนา:VPN ที่ไม่มีการบันทึกข้อมูลการใช้งาน จากสหรัฐฯ ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่มีข้อเรียกร้องจากการบันทึกข้อมูลการใช้งานในชั้นศาลจากหลาย ๆ กรณี แอปสำหรับทุกแพลตฟอร์ม คุณสมบัติขั้นสูงและตัวเลือกที่ปรับแต่งได้มากมาย อนุญาตให้ทำการทอร์เรนต์ ใช้งานได้กับ Netflix US การรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วัน
เป็นแอปที่ปรับแต่งได้สูง
ไม่มีการเก็บบันทึกข้อมูล มีฟังก์ชัน kill switch อัตโนมัติพร้อมการปกป้อง wifi
มีเซิร์ฟเวอร์ใน 75 ประเทศ
เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 อุปกรณ์
การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว
การสนับสนุนลูกค้าที่ล่าช้าเล็กน้อย
ไม่สามารถใช้งานกับแพลตฟอร์มการสตรีมระหว่างประเทศได้มากเท่ากับคู่แข่ง
ตรวจสอบรีวิว PIA ของเรา
6. PrivateVPN
เว็บไซต์: www.PrivateVPN.com
ผู้ให้บริการน้องใหม่และมีขนาดเล็กกว่าคู่แข่งหลาย ๆ ราย PrivateVPN มีข้อเสนอมากมาย เป็นที่รู้จักกันดีถึงความเร็วที่รวดเร็วและความสามารถในการปลดบล็อกเว็บไซต์สตรีมยอดนิยมจำนวนมาก อีกทั้งยังปลอดภัยและไม่มีการบันทึกข้อมูลของคุณ ด้วยราคาที่เหมาะสม การเชื่อมต่อพร้อมกันหกเครื่อง และแอปสำหรับระบบปฏิบัติการหลักทั้งหมด จึงเป็นแอปที่คุ้มค่าที่จะพิจารณาอีกครั้ง
ความเร็วในระดับที่ดี:PrivateVPN เป็นทางเลือกสำหรับครอบครัวที่ดี โดยทั่วไปแล้วดีสำหรับการสตรีมระดับ HD อนุญาตการใช้งานอุปกรณ์สูงถึง 6 เครื่องในบัญชีเดียวกัน คุณสมบัติความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่ดี สามารถใช้งานได้ด้วยเซิร์ฟเวอร์ที่มีมากขึ้นและขาดการสนับสนุนแบบ 24 ชั่วโมง/7 วัน การรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วัน
ได้รับชื่อเสียงในการปลดบล็อกเว็บไซต์สตรีมยอดนิยม
การทดสอบของเราเผยถึงความเร็วที่น่าประทับใจ
สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้สูงถึงหกเครื่องพร้อมกัน
ผู้ให้บริการใหม่ยังคงขยายเครือข่ายที่มีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกน้อยกว่า
เจ้าหน้าที่สนับสนุนปฏิบัติการภายในชั่วโมงทำการของยุโรปเท่านั้น
อ่านรีวิว PrivateVPN เชิงลึกของเรา
7. AtlasVPN
- PC
- Mac
- IOS
- Android
- Background
- FireTV
เว็บไซต์: www.atlasvpn.com
AtlasVPN เป็น VPN ที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ ซึ่งทำงานเพื่อเข้าถึงแพลตฟอร์มการสตรีมระหว่างประเทศจำนวนมาก รวมถึง Netflix, iPlayer, Hulu และ HBO Max VPN นั้นยอดเยี่ยมสำหรับการสตรีมด้วยการใช้งาน WireGuard นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยสูงด้วยนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน และการเข้ารหัส AES ที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน kill-switch และการป้องกันการรั่วไหลของ DNS ยิ่งไปกว่านั้น VPN มีราคาถูก และคุณสามารถทดลองใช้งานได้ด้วยการรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วัน
ความเร็วที่เหมาะสม:AtlasVPN เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการสตรีมเสมอ การเชื่อมต่อ Wireguard ที่รวดเร็ว เซิร์ฟเวอร์ใน 31 ประเทศ มีแอปที่โดดเด่นสำหรับทุกแพลตฟอร์ม ความปลอดภัยที่แน่นหนาและประสิทธภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยม อนุญาตการใช้งานทอร์เรนต์ การรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วัน
ใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยมกับบริการสตรีม
ความปลอดภัยที่แน่นหนา
การเชื่อมต่อพร้อมกันแบบไม่จำกัด
ไม่มีการบันทึกข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้
ความเร็วที่รวดเร็ว
นโยบายความเป็นส่วนตัวอาจมีรายละเอียดเพิ่มเติม
การบริการลูกค้าที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
ไม่สามารถใช้งานได้ในประเทศจีน
อ่านรีวิว AtlasVPN ฉบับเต็มของเรา
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ VPN
การปลดบล็อกเว็บไซต์สตรีมที่มีการปิดกั้นเชิงภูมิศาสตร์การเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกตรวจสอบในประเทศต่าง ๆ เช่น จีนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์การทำให้ผู้สอดแนมไม่สามารถอ่านข้อมูลจราจรของคุณได้ เช่น ISP ของคุณการรักษาความปลอดภัยการเชื่อมต่อของคุณไปยังเครือข่าย wifi สาธารณะและป้องกันแฮกเกอร์การทอร์เรนต์โดยไม่เปิดเผยตัวตนการเข้าถึงการธนาคารทางออนไลน์ของคุณในต่างประเทศโดยไม่เกิดการแจ้งเตือนการทุจริต
ซึ่งหมายความว่า เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทราบว่า VPN ฟรีมักมีผลเสียมากกว่าผลดี แม้ว่าธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้เรียกเก็บค่าบริการจากคุณโดยตรง แต่ก็ได้รับผลประโยชน์จากคุณในวิธีใดวิธีหนึ่ง หลาย ๆ แห่งติดตามกิจกรรมของคุณและสร้างโปรไฟล์เพื่อขายให้กับผู้โฆษณา รายอื่น ๆ กล่าวเกินจริงถึงความปลอดภัยที่พวกเขานำเสนอ และแอป VPN บางแอปก็นำไปสู่มัลแวร์
เราเอ่ยถึงการขายโปรไฟล์ของคุณให้กับผู้โฆษณา บริการบางอย่างเพียงแค่แทรกโฆษณาและคุกกี้ลงในเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมขณะเรียกดูหรือวางไว้ภายในไคลเอนต์ VPN
แต่ยังมีมากกว่านั้น โดยทั่วไป บริการ VPN ฟรีมีผู้ใช้จำนวนมาก ซึ่งทุกคนใช้เซิร์ฟเวอร์จำนวนไม่กี่แห่งร่วมกันด้วยความจุที่จำกัด ซึ่งนำไปสู่ระบบที่มีการจัดคิวพร้อมกับเวลารอคอยที่อาจยาวนาน และเมื่อคุณเชื่อมต่อได้แล้ว เป็นไปได้ที่คุณจะพบกับการเชื่อมต่อที่ช้าและไม่น่าเชื่อถือ ตลอดจนไม่สามารถที่จะเข้าถึงเว็บไซต์ที่คุณต้องการได้
จากปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ โดยทั่วไป เราขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงบริการ VPN ฟรี เว้นแต่คุณจะจำเป็นจริง ๆ
หากคุณใช้ตัวเลือกเหล่านั้นหมดแล้วและยังใช้งาน VPN ไม่ได้ VPN จำนวนมากจะเสนอการรับประกันการคืนเงิน
อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ก็คือคุณจึงอาจต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ไม่มีการรองรับด้วยอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจำนวนมากในบ้านของเรา ต่อไปนี้คือตัวเลือกที่เป็นไปได้บางส่วน หากเป็นกรณีนี้ (โปรดทราบว่าคุณควรไปที่เว็บไซต์ของผู้ให้บริการ VPN ของคุณ เพื่อดูว่ามีตัวเลือกเหล่านี้หรือไม่และจะติดตั้งอย่างไร):
คุณอาจสามารถกำหนดค่า VPN ให้กับอุปกรณ์ของคุณได้ด้วยตนเองโดยใช้ไฟล์การกำหนดค่า OpenVPN ของ VPNVPN บางส่วนให้คุณดาวน์โหลด APK ของ Android ได้โดยตรงเพื่อปกป้องอุปกรณ์บางตัวด้วยระบบปฏิบัติการที่ใช้ AndroidVPN จำนวนมากรองรับการกำหนดค่าด้วยตนเองบนเราเตอร์ที่บ้าน ซึ่งทำให้คุณสามารถปกป้องอุปกรณ์ทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับเราเตอร์ของคุณได้ในเวลาเดียวกัน
ความแตกต่างหลักระหว่าง VPN และพร็อกซี DNS คือการเข้ารหัส ส่วนหลังจะไม่มีการเข้ารหัสข้อมูลจราจรของคุณ ดังนั้นกิจกรรมของคุณจึงมีความเสี่ยงในการถูกเปิดเผย ซึ่งหมายความว่า ISP ผู้ดูแลระบบเครือข่าย แฮกเกอร์ หรือผู้สอดแนมอื่น ๆ สามารถเห็นสิ่งที่คุณกำลังทำออนไลน์ได้
ยิ่งไปกว่านั้น พร็อกซี DNS นั้นคล้ายกับ VPN ฟรีเล็กน้อย เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วจะไม่มีสถานที่ตั้งให้เลือกมากมาย พร็อกซีหนึ่งที่ไม่มีปัญหานี้และทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือกับบริการสตรีมคือบริการ ExpressVPN MediaStreamer DNS ซึ่งมาพร้อมกับทุกการสมัครสมาชิกและสามารถใช้งานได้กับบริการ VPN หรือแยกต่างหาก
อีกสิ่งหนึ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับบริการเหล่านี้ คือพวกเขามักจะใช้กลยุทธ์ที่คล้ายกับ VPN ฟรี รวมถึงการขายข้อมูลของคุณ การยัดโฆษณา และแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจที่ไม่ชัดเจนอื่น ๆ